สุขภาพแข็งแรงกับ HOME SAFE ตอนที่2 (9 วิธีพัฒนาสมอง...ง่าย แปลก แถมฮาได้ด้วย)



9 วิธีพัฒนาสมอง...ง่าย แปลก แถมฮาได้ด้วย

        วันนี้พี่เกียรติมีวิธีง่ายๆ ในการพัฒนาสมองแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย แต่สนุกได้ แถมได้พัฒนาสมองซีกอีกซีกที่เราไม่ได้ใช้ตามปกติอีกด้วย ง่ายๆ เพียงชาว Dek-D.com ถนัดซ้ายก็ให้เปลี่ยนไปใช้มือขวา ถ้าถนัดขวาก็ให้เปลี่ยนไปเป็นมือซ้าย หรือถ้าเคยทำอะไรแบบมองเห็น ก็ลองหลับตาทำดูบ้างสิ!!!

        1. เมาส์อีกมือ ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำให้เปลี่ยนมือข้างที่จับเมาส์ ซับซ้อนนิดๆ เพราะไม่ได้เปลี่ยนแค่มือที่ใช้ประจำ แต่ต้องห่วงเวลาคลิกซ้ายหรือขวาด้วย ลองทำจะรู้ว่า เย้ย คลิกผิดข้าง!?! ไม่ใช่ง่ายๆ นะเนี่ย

          2. เขียนอีกข้าง เขียนหนังสือด้วยมือข้างไม่ถนัด เพื่อความฮาแนะนำให้วาดเป็นรูปหน้าตัวเองหรือคนที่คุณรักด้วยนะ และอย่าลืมลงสีด้วยล่ะ แนะนำให้ใช้สีน้ำด้วย แล้วสแกนลงคอมพิวเตอร์ เปิดคอลเลคชันมือซ้าย (กรณีถนัดขวา)ลง facebook เลยก็ยังได้



          3. กระต่ายขาเดียว ถ้าบ้านกว้าง แนะนำให้กระโดดกระต่ายขาเดียว ด้วยขาข้างที่ไม่ถนัด แถมได้ออกกำลังกายได้ในตัว ถ้ามีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ แนะนำให้ชวนเพื่อนมาเล่นไล่จับกระต่ายขาเดียวข้างไม่ถนัดดีกว่า แต่ทุกคนต้องกระโดดทุกคนนะ ขืนให้กระต่ายกระโดดคนเดียว พอดีไล่ใครไม่ทันแน่ๆ ฮา 


         4. เอวสวย สมองใส ตอนนี้หลายๆ คนอาจกำลังออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูป หรือน้องผู้ชายเห็นเจ้าห่วงช่วยสวยของพี่ของน้องของแม่ อาจเอามาลองใช้ทำสิ่งไม่ถนัดนี้ นั่นคือ หมุนมันไปอีกข้าง เออ ไม่ใช่ง่ายเหมือนกันนะ เพราะหลายๆ อาจยังทำให้มันหมุนอยู่ตรงเอวไม่ได้เลยล่ะ แต่ถ้าใครเล่นฮูลาฮูปเป็นประจำอยู่แล้ว แนะนำจ้า หมุนมันไปอีกทางเลย!! 



       5. ปิดหูไปซะ พี่เกียรติขอเสนอความบันเทิงแบบใหม่ที่จะช่วยพัฒนาสมอง นั่นคือ ปิดหูดูโทรทัศน์ ลองหาสำลีหรือที่ปิดหูมาใช้ระหว่างที่น้องๆ กำลังดูโทรทัศน์หรือดูคลิปวิดีโออยู่ น้องๆจะได้ใช้แต่ตาในการดู แล้วต้องคิดหรือจินตนาการไปเองว่าในโทรทัศน์กำลังมีอะไร น่าสนุกไปอีกแบบ หรือใครจะพากษ์อะไรใส่ลงไปเองก็ไม่ว่ากัน เราอาจได้คลิปใหม่ลง youtube แถมฮาอย่างไม่รู้ตัว 


         6. ปิดตาบ้างก็ดี เวลาเราดูโทรทัศน์ แทนที่เราจะดูก็เปลี่ยนไปฟังบ้าง ยิ่งถ้าเป็นละครยิ่งสนุก เราจะได้จินตนาการหน้าตาและอารมณ์นักแสดงเอง ฝึกวิเคราะห์ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงตัวละครไหนกำลังคุยกับใครในฉากไหน เรียกว่า เป็นการฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่รู้ตัว 



         
         7. ปิดตาแต่งตัวก็ใช้ได้  วันไหนเราไม่รีบลองมาปิดตาแต่งตัวดูสิ ชาว Dek-D.com คงเคยชินกับห้องของเราอยู่แล้ว และก็ทำอะไรได้โดยไม่ต้องคิด เพราะเรามองเห็น จะหยิบก็แค่หยิบไม่ต้องคิดว่าจะหยิบท่าไหนทางไหน ก็มันเคยชินทั้งนั้น แต่ถ้าเราไม่เห็น แม้เราจะเคยชินมันก็ยาก จะหยิบแต่ละทีก็ต้องคิดว่ามันอยู่ตรงไหน แล้วพอรู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ต้องคิดอีกว่า แล้วตรงไหนมันอยู่ทางไหนล่ะเนี้ย??? แค่ปิดตาเราก็เลยได้ฝึกสมอง เพราะเราต้องนึกเป็นภาพ ใช้จินตนาการสร้างห้องของเราในความคิด แล้วค่อยๆ หันซ้ายหันขวาหยิบของมาทีละชิ้นมาแต่งตัวเรา ทั้งยังต้องพิจารณาว่าเสื้อผ้าที่ใส่นั่นถูกหน้าถูกหลังหรือเปล่าอีกด้วย แต่ต้องค่อยๆ ทำนะ เดี่ยวจะเกิดอุบัติเหตุ

      8. สลับมือ...ถือช้อนส้อม มาเพิ่มสีสันในการตักอาหารให้มากขึ้น แถมพัฒนาสมอง ด้วยการใช้มือข้างที่ไม่ถนัดตักอาหาร และยังต้องกะประมาณในการตักน้ำแกง ไม่ให้มากเท่าปกติ ไม่ให้น้อยเกินไป ก็มันตักด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดนี่ มันก็ต้องกะกันหน่อย เดี๋ยวมันหก!! ส่วนใครชอบใช้ตะเกียบ จะลองเปลี่ยนข้างจับตะเกียบก็ได้ แต่อันนี้ต้องระวังให้มากเสียหน่อย เพราะมันจะก็เลอะเทอะง่ายกว่า เดี๋ยวแทนที่จะได้ฝึกสมอง กลายเป็นถูกดุว่าเล่นอะไรไม่รู้ เวล่ำเวลามากกว่า เพราะฉะนั้นถ้ากำลังรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่หรือแขกคนสำคัญก็อย่าเพิ่งทำข้อนี้นะจ๊ะ 

          9. หยิบจับข้างเดียวกัน วิธีนี้ไม่ซับซ้อน แต่ต้องใช้สติอยู่ตลอดเวลา เป็นวิธีง่ายๆ ฝึกสมองให้ตื่นตัวได้ตลอด โดยปกติเราจะใช้มือข้างที่ถนัดหยิบจับข้าวของต่างๆ ไม่ว่ามันจะอยู่ใกล้ไกล หน้า หลัง หรือซ้าย ขวาของเราใช่ไหมค่ะ  ลองสังเกตดู เช่น เราถนัดขวา ต้องการหยิบดินสอที่วางอยู่ซ้ายมือของตัวเรา เราก็มักเอี้ยวตัวทางซ้ายและใช้มือขวาหยิบ เป็นต้น แต่จะง่ายกว่าไหมถ้าของอะไรที่อยู่ทางซ้าย เราก็ใช้มือซ้ายหยิบ ของที่อยู่ทางขวาเราก็ใช้มือขวาหยิบ จริงๆคือมันไม่ง่ายกว่าหรอกค่ะ!!เพราะถ้าเราไม่ตั้งสติและตั้งใจทำ เราก็จะกลับไปใช้การหยิบจับด้วยมือที่ถนัดของเราอยู่ดี 
         ลองทำดูนะ! สมองจะตื่นตัว และสนุกกับมันเมื่อเรารู้ตัวว่า เย้ย!? เผลออีกแล้ว แต่บางครั้งเราก็จำเป็นที่เราใช้มือข้างที่เราถนัดมากกว่าในบางเรื่อง เพื่อรักษาสมดุลการทรงตัวค่ะ เช่น จับราวรถประจำทาง ถ้าเราลองใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับ จะรู้สึกทรงตัวไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำข้อนี้ ก็ต้องคิดก่อนทำด้วย (เห็นไหมต้องคิดอีกแล้ว แหม่ ฝึกสมองได้จริงๆด้วย อิ อิ)

           จริงๆ ยังมีอีกหลายวิธีที่เราจะใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เราไม่ถนัดลองทำสิ่งๆต่างๆในชีวิตประจำวันเลยนะ เช่น ใช้มือที่ไม่ถนัดแปรงฟัน กวาดบ้าน ซึ่งน้องๆ สามารถสร้างสรรคืวิธีการตามใจ แล้วเจ้าความไม่ถนัดและ ไม่เคยชินเหล่านี้ จะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆให้เราได้รู้สึกสนุกกับสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต 
       ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองได้ศึกษาและพบว่า การทำงานของต่างๆของร่างกายเราเกิดจากการสั่งงานของสมอง โดยสิ่งที่เราเป็นประจำจะเกิดจากสมองซีกใดซีกหนึ่งจากข้างที่เราถนัดมากกว่าการทำงานเชื่อมโยงของประสาทสมองทั้งหมด ซึ่งจริงๆ หากเราต้องการพัฒนาเซลล์สมองของเรา เราต้องกระตุ้นให้เซลล์สมองเกิดการทำงานเชื่อมโยงกันมากขึ้น ควรที่จะใช้ประสาทสัมผัสของเรา ทั้งการได้ยิน การมองเห็น การได้กลิ่น การสัมผัส และการลิ้มรส มาเป็นส่วนประกอบในการคิดและสั่งการให้ร่างกายเราทำงานต่างๆ 
         แต่หากเราทำงานด้วยมือข้างที่เราถนัดข้างเดียว และทำทุกสิ่งไปตามความเคยชิน สมองด้านที่ควบคุมการทำงานด้านนั้นๆ จะถูกกระตุ้นเพียงข้างเดียว แล้วทั้งสมองและกล้ามเนื้ออีกข้างก็จะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร และค่อยๆ เสื่อมลงไป เพียงถ้าเราลองเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง อาจไม่ได้ทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย แต่หากได้ฝึกทำบ่อยๆ ก็จะช่วยในการพัฒนาสมอง และกล้ามเนื้อในด้านที่ไม่ถนัด ให้มีความว่องไวและแข็งแรงมากขึ้นแล้วค่ะ
        



พี่เกียรติขอชวนชาว Dek-D.com ทำสิ่งที่ไม่ถนัดเพื่อพัฒนาสมองกันดีกว่า 
เริ่มต้นจาก เปลี่ยนมือจับเมาส์ก่อนตอนนี้เลย!!!

สุขภาพแข็งแรงกับ HOME SAFE ตอนที่1 (อนามัยกับการล้างมือ)








อนามัยกับการล้างมือ



ล้างมือบ่อยครั้ง หยุดยั้งเชื้อโรค
มือนำเชื้อโรคอะไรได้บ้าง
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โดยติดต่อผ่านการหายใจเอา เชื้อโรคเข้าไป และติดต่อได้จากการที่มือสัมผัสกับสิ่งของ เครื่องใช้ หรือสิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วย (น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เลือด)
โรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง อหิวาตกโรค อาหารเป็นพิษ โรคตับอักเสบชนิดเอ โรคพยาธิชนิดต่างๆ การติดต่อเกิดจากการที่มือปนเปื้อนเชื้อเหล่านั้น แล้วหยิบจับอาหารรับประทาน
โรคติดต่อจากการสัมผัสได้โดยตรง เช่น โรคตาแดง โรคเชื้อรา แผลอักเสบที่ผิวหนัง หิด เริม การติดต่อ เกิดจากมือไปสัมผัสแผล ฝี หนอง โดยตรง แล้วมาสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โรคติดต่อที่รุนแรง เช่น โรคไข้หวัดมรณะ (SARS) โรคไข้หวัดนก การติดต่อเกิดจากการรับ เชื้อทางระบบทางเดินหายใจ หรือมือไปสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ (น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เลือด) จากสัตว์ปีกที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดนก

การล้างมือสำคัญอย่างไร
มือ เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคต่างๆ ได้ เมื่อใช้มือหยิบจับอาหาร หรือสิ่ง ของต่างๆ และมือสามารถนำเชื้อโรคไปปนเปื้อนสิ่งของรอบๆ ตัว ทำให้ผู้อื่นได้รับเชื้อโรคไปด้วย
การล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธี จึงเป็นวิธีที่มีความสำคัญ เพื่อป้องกัน ไม่ใช้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย
จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า

  • การศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าการล้างมืออย่างถูกวิธีเป็นเวลา 15 วินาที สามารถลดเชื้อโรคได้ถึง 90%
  • การล้างมือทางการแพทย์จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
  • การล้างมือ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดง จะเป็นวิธีการป้องกันการระบาดของโรคได้
  • การล้างมือของผู้ประกอบอาหาร สามารถป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้
เมื่อไหร่จึงควรล้างมือ
ในชีวิตประจำวัน ควรล้างมือในกรณีต่างๆ คือ

  • ล้างมือก่อนการเตรียม และปรุงอาหาร
  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
  • ล้างมือหลังการขับถ่าย
  • ล้างมือก่อน และหลัง สัมผัสผู้ป่วย
  • ล้างมือหลังเสร็จกิจกรรมที่ทำให้มือสกปรก
สุขอนามัยกับการล้างมือ
สุขอนามัยเป็นการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันที่มีผลโดยตรง และโดยอ้อมต่อสุขภาพ ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น
การมีสุขอนามัยในเรื่องการรักษาความสะอาดร่างกาย ได้แก่ การอาบน้ำ แปรงฟัน สระผม ล้างมือ ตัดเล็บ เป็นต้น การปฏิบัติ ตัวเหล่านี้เมื่อปฏิบัติอย่างถูกต้อง และเป็นนิสัย จะเป็นการดูแลสุขภาพ และการป้องกันโรคต่างๆ ทำให้ผู้ปฏิบัตินั้นมีสุขภาพดีไม่เจ็บป่วย และเนื่องจากมือ เป็นพาหะสำคัญที่นำเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย การล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธี จึงเป็นวิธีป้องกันโรคที่ง่าย สะดวก และประหยัด ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง
ลดติดเชื้อ อย่าเบื่อล้างมือ
ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วยการล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธีง่าย สะดวก ประหยัด และปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

ที่มา: http://www.bangkokhealth.com/index.php/General-health/3573-2010-03-23-03-01-19.html